วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เทียวเมืองปัตตานี

       หลายท่านคงชื่นชอบสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย วันนี้ตะลุยไปกับฟีโน่ท่องเมืองปัตตานีกันครับ
คงต้องลุ้นกันนิดๆกับข่าวที่ออกเกี่ยวกับสถานการณ์ 3 จังหวัดภาคไต้ในแต่ละวัน แต่อาศัยความใจกล้ากับความอยากออกไปตะลุยเมืองปัตตานี ไม่หวั่น จับฟีโน่แล้วไปกับมัน แล้วคุณจะหลงเสน่ห์เมืองนี้เหมือนกับผม
ตื่น 6.00 ออกมาสูดอากาศบรรยากาศริมทะเลปัตตานี เพื่อเรียกพลังความสดชื่นยามเช้า.....มีเวลาผ่อนคลายเที่ยวถ่ายรูปเช้าๆ ถ่ายรูปทะเลปัตตานี โดยแนวทะเลของปัตตานีไม่มีชายหาด เป็นแนวโขดหิน ไม่มีประชาชน มานั่งรับลมทะเลกันไม่มากนักหรือแทบไม่มีเลย แต่บรรยากาศโรแมนติกมาก ขอบอก



หลังจากสูดอากาศรับไอทะเลให้ชุ่มปอดแล้ว พักผ่อนนั่งจิบกาแฟสักหน่อยแล้วออกเดินทางต่อ ไป มอ.ปัตตานี หรือเรียกเต็มๆว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  ตามพระนาม
ฐานันดรศักดิ์สมเด็จพระบรมราชชนกเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดชกรมหลวง สงขลานครินทร์ ตั้งอยู่ที่
 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี พื้นที่ด้านใน ม. ค่อนข้างกว้าง แยกไปคณะๆ อย่างชัดเจน บรรยากาศร่มรื่น หน้ากลับไปเป็นนักศึกษาอีกครั้ง หลังจากนั้น ต้องสะดุจตากับตึกอาคารเรียนของ วิทยาลัยอิสลามนานาชาติ สวยมากครับ อาคารเรียนของเค้าสวยจิงๆ ลองไปดูได้ครับ




ต่อจากนั้นไปดูสินค้าพื้นเมืองที่ตลาดปัตตานีมีสินค้าพื้นเมืองน่าสนใจมากมาย  เช่น  ปลาหมึกแห้ง  น้ำบูดู  ข้าวเกรียบปลา  ลูกหยีกวน  เครื่องทองเหลือง  ผ้าปาเต๊ะ  กรงนกเขาปัตตานี... แบบว่า ตำรวจ ทหาร ค่อนข้างหนาตาพอสมควร เลยไม่ได้นำรูปมาลง เดียวจะทำให้บรรยากาศดูไม่เหมือนมาท่องเทียว แฮะๆ
ลืมบอกไปครับ หลังจากหม่ำอาหารเมนูไก่จนอิ่มแล้ว (ทำไมแนะเหรอ 90%คนที่นี้ไม่กินหมู ส่วนตัวผมเองไม่ทานเนื้อ จึงมีแต่ไก่แหละครับหาทานง่านที่สุด กินให้บินได้กันไปเลย)
ต่อจากนั่นขับรถมุ่งตรงไปถนน ปัตตานี - นราธิวาส ไปอีกประมาณ 7 กิโล จะพบกับ
                       มัสยิดกรือเซะ มัสยิดคู่บ้านคู่เมืองฟาฏอนี หรือเมืองปัตตานี นี้เอง  
ตั้งอยู่ที่บ้านกรือเซะ ตำบลตันหยงลุโละ อำเภอเมือง ตามทางหลวงหมายเลข 42 (ปัตตานี-นราธิวาส) ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 7 กม.
ประวัติตามป้ายก่อนทางเข้าบอกไว้ว่า มัสยิดเก่าแก่ อายุกว่า 200 ปี สันนิษฐานได้ว่าเป็นศาสนสถาน ที่สร้างขึ้น ในพุทธศตวรรษที่ 22 ร่วมสมัยอยุธยา กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อ พ.ศ. 2478 ลักษณะการก่อสร้างเป็นแบบเสากลม รูปลักษณะแบบเสาโกธิกของยุโรป ช่องประตูหน้าต่างมีทั้งแบบโค้ง แหลมและโค้งมน ส่วนที่สำคัญที่สุด คือ หลังคาโดม ซึ่งยังสร้างไม่แล้วเสร็จ บริเวณด้านหน้าของมัสยิดมีฮวงซุ้ย หรือสุสานที่ฝังศพของ เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ที่ได้รับการตกแต่งพูนดินใหม่ปรากฏอยู่ มีผู้คนไปกราบไหว้กันมากพร้อมด้วยสิ่ง- ก่อสร้างอื่น ๆ เช่น เก๋งจีน โอ่งน้ำสีแดง ซึ่งจุน้ำได้ถึง 120,000 ลิตร มัสยิดกรือเซะนี้ สร้างโดยลิ้มโต๊ะเคี่ยม ซึ่งเป็นชาวจีนได้มาแต่งงานกับธิดาพระยาตานีและได้เปลี่ยน มานับ ถือศาสนาอิสลาม ต่อมาน้องสาวของลิ้มโต๊ะเคี่ยมชื่อลิ้มกอเหนี่ยว ได้ลงเรือสำเภามาตามให้พี่ชายกลับ เมืองจีนแต่ไม่สำเร็จ ลิ้มโต๊ะเคี่ยมได้สร้างมัสยิดกรือเซะขึ้น ลิ้มกอเหนี่ยวจึงได้สาปแช่ง ขออย่าให้สร้าง มัสยิดสำเร็จ และตัวเองได้ผูกคอตายที่ต้นมะม่วงหิมพานต์ ลิ้มโต๊ะเคี่ยมได้จัดการฝังศพน้องสาวไว้ที่หน้า มัสยิดนี้ ชาวปัตตานีนำต้นไม้ที่ลิ้มกอเหนี่ยวผูกคอตายมาแกะเป็นรูปบูชาและสร้างศาลเจ้า ต่อมาได้มีการ อัญเชิญเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวมาประดิษฐานไว้ ณ ศาลเจ้าแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่ถนนอาเนาะรู ในเขตเทศบาล เมืองปัตตานี เรียกว่าศาลเจ้าเล่งจูเกียง ( ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว) เป็นที่นับถือของชาวปัตตานี และชาวจังหวัด ใกล้เคียง ในเดือน 3 ของทุกปี ( กุมภาพันธ์-มีนาคม ) จะมีพิธีเซ่นไหว้และแห่เจ้าแม่ ส่วนมัสยิดกรือเซะก็เป็นไปตามคำสาป เพราะไม่สามารถสร้างเสร็จได้ เมื่อจะสร้างต่อก็ให้มีอาเพศ ฟ้าผ่าทุกครั้งไป จนถึงปัจจุบันก็ไม่มีใครกล้าสร้างมัสยิดกรือเซะต่อ คงเหลือซากทิ้งไว้ตราบเท่าทุกวันนี้





มีรูกระสุนด้วย ......ย้อนอดีตกันคร่าวๆ
28 เมษายน 2547 เวลาประมาณ 02.30 น. กลุ่มบุคคลที่เดินทางไปยังมัสยิดเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2547 ประมาณ 15-18 คนได้ออกมานั่งรวมกลุ่มกันที่ลานหน้ามัสยิดด้านทิศตะวันออก โดยคนในกลุ่มได้พูดคุยและแสดงท่าทางในลักษณะของการวางแผน โดยคนอีกกลุ่มจำนวน 6-8 คน ได้รวมกลุ่มกันที่ระเบียงทางขึ้นมัสยิดด้านทิศใต้ จากนั้นได้มีรถกระบะไม่ทราบยี่ห้อ สีน้ำเงินดำได้แล่นเข้ามาจอดบริเวณมัสยิดและมีกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่งลงมาจากรถโดยบางคนแต่งกายชุดดะอ์วะฮ์เดินเข้าไปในมัสยิด
เวลาประมาณ 04.50 น. มีกลุ่มบุคคลที่มัสยิดประมาณ 30 กว่าคนได้แยกออกเป็น 2 กลุ่มกลุ่มละประมาณเกือบ 20 คน โดยกลุ่มที่หนึ่งเดินทางไปทางถนนด้านสถานีอนามัย อีกกลุ่มหนึ่งเดินไปทางถนนด้านทิศเหนือฝั่งเดียวกับที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลตันหยงลูโละมุ่งหน้าไปทางจุดตรวจกรือเซะ
ต่อมากลุ่มบุคคลประมาณ 32 คน ได้เดินมุ่งไปยังจุดตรวจกรือเซะฝั่งป้อมยามด้านสุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ขณะเดียวกันนั้น สิบตำรวจเอก อันวาร์ เบ็ญฮาวัน สังกัดกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 444 ซึ่งปฎิบัติหน้าที่อยู่ ณ จุดตรวจฯ ได้รับแจ้งเตือนจากทหารจำนวน 3 คนที่วิ่งมาจากจุดตรวจฝั่งสถานีอนามัยว่าให้ระวังกลุ่มบุคคลดังกล่าวด้วย และต่อมาทหารที่เหลืออยู่อีก 1 คน ที่อยู่ ณ จุดตรวจได้ถูกฟันทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ

กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบดังกล่าว ได้โจมตีป้อมตำรวจที่อยู่ใกล้ๆ กับมัสยิดกรือเซะ และได้มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร ผลจากการปะทะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเสียชีวิต 3 นาย และบาดเจ็บ 17 นาย
หลังจากนั้นกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบทั้ง 32 คน ได้หลบหนี้เข้าไปภายในมัสยิดกรือเซะ พลเอก พัลลภ ปิ่นมณี รองผอ.กอ.รมน. ได้เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ มีประชาชนประมาณ 2,000-3,000 คน รวมตัวกันอยู่ที่บริเวณมัสยิด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมมัสยิดอยู่นานราว ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ถึง 14.00 น.
ทางตำรวจทหารตัดสินใจบุกเข้าไปในมัสยิด ใช้ระเบิดมือและอาวุธ จนเป็นเหตุให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่อยู่ภายในมัสยิดทั้ง 32 คนเสียชีวิต
อันนี้อ้างอิงจาก  ฐานข้อมูลสถานบันพระปกเกล้าขอรับ....

เข้ามาเรื่องเครียดจนได้...ว่าแล้วเดินทางมาที่ สุสานเจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยวต่อ ซึ่งอยู่ติดๆกับมัสยิดกรือเซะ นี้เอง
ส่วนประวัตินั่น ความเป็นมาสืบเนื่องกับมัสยิสกรือเซะแห่งนี้ครับ ขณะเดินสำรวจกันทั้งวัน แดดชักเริ่มร้อน คิดว่า ถอยกลับไป
เข้าเมือง หาของเย็นๆ เติมแรงสักหน่อย






นี้เลย เค้กไอศกรีม หน้า มหาลัย มีหลายร้านให้เลือก ตอนนี้จำชื่อร้านไม่ได้ สงสัยยังไม่ได้ค่า โฆษณามั่ง 5555
ถ้าท่านผู้อ่านชอบท่องเที่ยวแบบนี้ โปรแกรมแปลกใหม่ไม่ซ้ำแบบใคร ลองดูนะครับ เมืองไทยมีที่ดีๆเยอะแบบที่คุณคาดไม่ถึง เที่ยวด้วยตัวเองแบบฝรั่ง สนุก ผจญภัย ได้หลายอย่างครับ อีกหนึ่งทางเลือกของการเดินทางที่ทุกท่านจะประทับใจ



วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คนรักเกมส์

ก่อนอ่านบทความนี้..ให้ถามใจตัวเองก่อนว่า..อยากเล่นจริง ๆ จัง หรือ อยากเล่นเพียงเพราะกระแสความดังและมันส์ของเกมส์  ที่กล่าวเช่นนั้นเพราะว่าคนเล่นเกมส์ มักประสพปัญหา แอนตี้ จาก กระแสหลายกระแส อย่างน้อยๆ ก็คนที่บ้านไม่ปลื้มแน่ๆ ถ้าคุณๆสนใจเกมส์มากกว่าเค้า  (เข้าใจหัวอกคอเกมส์ด้วยกัน)

เกมส์ คือความฉลาด ของตัวละครฝ่ายคอมพิวเตอร์ ( AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence นับเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งในการจำลองความฉลาดของมนุษย์ลงไปในตัวละครฝ่ายคอมพิวเตอร์ ตัวเก่งๆ เทพๆจะมีพฤติกรรมการตัดสินใจที่ใกล้เคียงมนุษย์ อะไรจะเทพ ขนาดนี้ หุหุ ) AIในเกมส์โง่จัด เดินมาให้เรายิงง่ายๆ แสดงว่า ไม่ฉลาดสักเท่าไหร่ แต่หากAI เกมนี้เก่งมาก สามารถวิ่งหลบ หาที่กำบังได้เอง เหมือนกับคนเล่น เขาเรียกว่า AI ฉลาดมาก เราสามารถที่จะปิดการทำงานของ AI หรือ AI Disable ได้ด้วย คนเราจะได้เปรียบเกมส์ ตรงที่ มันไม่สามารถที่จะตัดสินใจในสถานการณ์คับขันได้นั่นเอง ข้อมูล เกมส์ กว่า 1000 เกมส์